“เสภาขุนช้างขุนแผน”
เรื่องราวในบทเสภานี้
ได้กล่าวอ้างถึงวัดตะไกรว่า
เป็นที่ฝังและทำฌาปนกิจศพ
ของนางวันทอง
ผู้ต้องคำพิพากษาถึงประหารชีวิต
แล้วนำศพไปฝังยังวัดตะไกร
ดังจะเห็นได้จากบทเสภาดังกล่าว
อีกตอนหนึ่งที่ว่า
“ครั้นถึงจึงแวะวัดตะไกร
จอดเรือเข้าไว้ที่ตีนท่า”
อันเป็นตอนที่ขุนช้างได้ทราบข่าวว่า
ได้จัดทำศพนางวันทองที่วัดตระไกร
จึงได้เตรียมผ้าไตรและเครื่องไทยทาน
ไปร่วมบำเพ็ญกุศลอุทิศให้แก่นางวันทอง
เรื่องพระพันวษา ขุนแผน วัดตะไกร
เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงและมีจริง
ขุนแผนได้เป็นแม่ทัพไปทำศึก
กับเชียงใหม่และได้ชัยชนะ
จึงมีชื่อเสียงและเป็นคนสำคัญ
เรื่องการทำศึกกับหัวเมืองเชียงใหม่
ในสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒
(พระพันวษา) นี้พงศาวดาร
ฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์
ได้บันทึกไว้ว่า
“ศักราช ๘๗๗ กุนศก (พ.ศ ๒๐๕๘)
วัน ๓ ๑๕ ๑๑ ค่ำ เพลารุ่งแล้ว ๘ ชั้น
๓ ฤกษ์ ๙ ฤกษ์ สมเด็จพระรามาธิบดี
เสด็จยกทัพหลวงไปตีได้เมืองน (คร) ฯ
ลำ (ภารได้) เมือง”
หลังจากที่สมเด็จพระรามาธิบดี
เสด็จยกทัพหลวงไปตีได้เมืองลำปางแล้ว
พวกเชียงใหม่ก็ไม่ลงมาทำอะไรวุ่นวายอีก
ทีนี้กล่าวถึงเรื่องการประหารชีวิต
นางวันทองบ้างว่าเกิดขึ้นเมื่อใด
ข้อนี้สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
ได้ทรงสันนิษฐานไว้ว่า
นางวันทองต้องโทษประหารก่อน
ส่วนขุนแผนนั้นต้องโทษจำคุก
ในฐานที่ฆ่าข้าหลวง
ต่อมาเกิดศึกเชียงใหม่ จมื่นศรีฯ
พยายามทูลยกย่องขุนแผน
ขุนแผนจึงพ้นโทษด้วยจะให้ไปทำศึก
ในระยะเวลาที่พูดถึงนี้
ซึ่งวัดตะไกรมีอยู่แล้ว
จึงน่าสันนิษฐานว่าวัดตะไกรนี้
ต้องสร้างก่อนปี ๒๐๕๘
อันเป็นปีที่เสร็จศึกเชียงใหม่
รายละเอียดเพิ่มเติม : http://www.qrcode.finearts.go.th/…/ayutthaya02-005/item/307…