ลักษณะเป็นปรางค์สมัยอยุธยา มีอายุประมาณพุทธศตวรรษที่ ๒๒ พิจารณาจากแผนผังของปรางค์ประธานวัดเชิงท่านี้ คล้ายกับแผนผังปรางค์ประธานวัดไชยวัฒนาราม ถึงแม้จะปรากฏร่องรอยการบูรณปฏิสังขรณ์และต่อเติมในสมัยหลังหลายครั้ง
กล่าวคือองค์ปรางค์ตั้งอยู่บนฐานไพที เป็นฐานสูงรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ยาวด้านละ ๙.๗๐ เมตร บนฐานไพทีประดับด้วยปรางค์มุขขนาดเล็ก จึงทำให้เห็นเป็นปรางค์ ๕ ยอด และมีส่วนฐานที่ยื่นออกเป็นมุขจากองค์ปรางค์อีก ๓ ด้าน คือ ด้านทิศตะวันออก ทิศตะวันตก และทิศเหนือ ส่วนด้านทิศใต้มีวิหารเชื่อมต่อออกมาแทนตำแหน่งที่เป็นมุข
ปรางค์ประธานมียอดนพศูลทำด้วยสำริดรูปลักษณะเหมือนฝักเพกา ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ดี ส่วนปลียอดประกอบด้วยกลีบขนุนมีขนาดเท่ากันเรียงซ้อนขึ้นไป ๕ ชั้น ที่บริเวณชั้นเชิงบาตรทั้ง ๔ ด้าน ประดับด้วยประติมากรรมปูนปั้นรูปครุฑและยักษ์ยืนถือตะบอง ซึ่งส่วนมากพังทลายเกือบหมด ยักษ์ปราศจากเศียร ส่วนครุฑเหลือเพียงลำตัว ส่วนที่เป็นเรือนธาตุมีซุ้ม ภายในซุ้มทั้ง ๔ ทิศ ประดิษฐานพระพุทธรูปยืน ปางประทานอภัย ทำด้วยปูนปั้นนูนสูง ศิลปะอยุธยา ที่หน้าบันเหนือซุ้มประดิษฐาน พระพุทธรูปปางมารวิชัย ทำด้วยปูนปั้นนูนสูงเช่นเดียวกัน ที่มุมฐานไพทีมีปรางค์มุขขนาดเล็กประดิษฐานอยู่ทั้ง ๔ มุม พระพุทธรูปปูนปั้นรวมทั้งปรางค์มุมอยู่ในสภาพชำรุดแตกร้าว บางส่วนปรักหักพังไปมาก
มุขปรางค์ทั้ง ๓ ด้าน คือ ด้านทิศตะวันออก ด้านทิศตะวันตก และด้านทิศเหนือ มีประตูเข้ามุขปรางค์อยู่ทางด้านทิศเหนือเหมือนกันทั้ง ๓ มุข ภายในมุขปรางค์มีเสาแปดเหลี่ยม ก่ออิฐถือปูนมุขละ ๒ เสา ในมุขปรางค์ด้านทิศตะวันออกและตะวันตกมีพระพุทธรูปปูนปั้นประทับยืนแสดงปางประทานอภัย ประดิษฐานอยู่ภายในจระน้ำซุ้ม ส่วนในมุขปรางค์ด้านทิศเหนือ มีพระพุทธรูปปูนปั้นศิลาทรายสีแดงปางลีลา ชำรุด พระเศียรหักหาย (ปัจจุบันหายไปหมดแล้ว) กับมีพระพุทธรูปปูนปั้นปางลีลาสภาพชำรุดมากเช่นเดียวกัน ลักษณะพระพุทธรูปในมุขปรางค์ทั้ง ๓ ด้าน มีสภาพชำรุด เฉพาะองค์ที่อยู่ด้านทิศใต้เห็นรอยปูนซ่อมพอกเพิ่มของเดิมชัดเจน
ที่มา : http://www.qrcode.finearts.go.th