วัดโกโรโกโส หรือ วัดคลังทอง เป็นชื่อของวัดเดียวกัน อยู่หมู่ 5 บ้านคลองข้าวเม่า ต.ข้าวเม่า อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา มี “หลวงพ่อแก้ว” หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “หลวงพ่อดำ” พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ประดิษฐานอยู่ในวิหาร เดิมเศียรของท่านถูกข้าศึกตัดไปเมื่อครั้งเสียกรุงครั้งที่ 2
ต่อมามีการบูรณะและหล่อเศียรใหม่นำมาประกอบเข้ากับองค์ท่าน จนเห็นเป็นอย่างปัจจุบัน วัดนี้ เล่ากันว่าครั้งข้าศึกล้อมกรุงศรีอยุธยาไว้ พระยาตากเห็นว่าท่าจะไปไม่รอดแล้ว จึงรวบรวมไพร่พลฝ่ากองทัพพม่าออกมา แล้วล่องเรือมาตามลำน้ำทางทิศตะวันออกของกรุงศรีฯ พระยาตากและไพร่พลของท่าน มาหยุดแวะพักที่บริเวณหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เห็นมีวัดตั้งอยู่ริมคลองจึงหยุดพักที่วัดแห่งนี้ ขณะนั้น พระยาตากมุ่งมั่นที่จะกอบกู้บ้านเมืองที่กำลังจะล่มสลายให้กลับคืนมาจงได้ ท่านจึงขึ้นไปยังวัดนั้น แล้วเข้าไปกราบขอพรจากพระพุทธรูปในพระวิหาร ขอให้กอบกู้บ้านเมืองได้สำเร็จ
ชาวบ้านในละแวกนั้น เมื่อทราบว่ามีทหารมาแวะพักจึงเข้ามาถามไถ่ เมื่อทราบความว่า พระยาตากจะรวบรวมไพร่พล เพื่อกอบกู้บ้านเมืองที่น่าจะล่มสลายในเร็ววันแล้ว ชาวบ้านก็นำเสบียงอาหารมาให้ทหารของพระยา ตาก เสบียงนั้นก็เป็นพวกข้าวเม่าที่สามารถนำติดตัวไปไหนต่อไหนได้นาน ส่วนชาวบ้านอีกกลุ่มที่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับวัด ก็มาช่วยกันทำอาวุธ ช่วยกันนำไม้มาเหลาเป็นลูกธนู เมื่อได้เสบียงและอาหารพอที่จะเดินทางต่อไปแล้ว พระยา ตากก็นำไพร่พลออกเดินทางต่อ หลังจากนั้นข้าศึก นำทหารพม่าเข้ามาทำลายหมู่บ้านแห่งนี้ รวมทั้งวัดคลังทอง และหลวงพ่อดำ ก็ถูกทำลาย ปล่อยรกร้าง เมื่อพระยาตากซึ่ง ได้สถาปนา ขึ้นเป็นพระเจ้าตากสิน ได้กอบกู้เอกราชสำเร็จ ตามที่ขอพรไว้กับหลวงพ่อดำ แห่งวัดคลังทอง ท่านก็ไม่ลืมในน้ำใจของชาวบ้านที่เคยช่วยกองทัพของท่านไว้ พระเจ้า ตากสิน จึงได้ตั้งชื่อหมู่บ้านที่ชาวบ้านนำเสบียงอาหารมาให้ว่า หมู่บ้านข้าวเม่า และคลองข้าวเม่า และหมู่บ้านที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของคลองได้ชื่อว่า หมู่บ้านธนูและคลองธนู ตามที่ชาวบ้านมาช่วยเหลาธนู ให้ท่าน และชื่อหมู่บ้านก็อยู่สืบต่อมาจนปัจจุบัน