กำแพงเมืองที่พระเจ้าอู่ทองทรงสร้างครั้งแรกนั้นเป็นเพียงเชิงเทินดิน และมีเสาไม้ระเนียดปักข้างบน ต่อมาในรัชสมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิจึงได้ก่ออิฐถือปูนขึ้น
กรุงศรีอยุธยา เป็นเมืองโบราณของไทยมีลักษณะเป็นเกาะเมืองเพราะมีแม่น้ำล้อมรอบ นอกจากการใช้ปราการแม่น้ำแล้ว หากเราล่องเรือไปรอบเกาะเมืองเราจะพบป้อมปราการดิน ป้อมปราการศิลาแลงกว่า 29 ป้อมล้อมรอบเมืองคอยป้องกันภยันตรายให้แก่กรุงเก่าแห่งนี้ กำแพงเมืองเดิมที่พระเจ้าอู่ทองทรงสร้างครั้งแรกนั้นเป็นเพียงเชิงเทินดินและมีเสาไม้ระเนียดปักอยู่ด้านบน ต่อมาในรัชสมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิจึงได้ก่ออิฐถือปูนขึ้น ตามในพระราชพงศาวดารมีการสร้างป้อมต่าง ๆ เพิ่มขึ้นมากมาย อาทิ ป้อมมหาไชย ป้อมซัดกบ ป้อมเพชร ป้อมหอราชคฤห์และป้อมจำปาพล เป็นต้น
ป้อมขนาดใหญ่ ๆ มักตั้งอยู่บริเวณทางแยกระหว่างแม่น้ำ สำหรับป้อมมหาไชยและป้อมเพชรนั้นถือเป็นป้อมขนาดใหญ่และเป็นป้อมที่สำคัญมากของกรุงศรีอยุธยา
หากได้ไปเที่ยวที่อยุธยา ไม่ควรพลาดชมป้อมทั้งสองนี้ ป้อมมหาไชย ตั้งอยู่มุมวังจันทรเกษมบริเวณที่เป็นตลาดหัวรอในปัจจุบัน ตัวป้อมได้ถูกรื้อเพื่อนำอิฐไปสร้างพระนครใหม่ที่กรุงเทพมหานครตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 ป้อมเพชร อยู่ตรงข้ามกับวัดพนัญเชิง ถือเป็น “ประตูสู่อยุธยา” เลยก็ว่าได้ ป้อมแห่งนี้ มีความสำคัญมากในเชิงยุทธศาสตร์ ด้วยเป็นด่านปราการป้องกันศัตรูผู้รุกรานได้ดี ตั้งอยู่บริเวณที่บรรจบของแม่น้ำเจ้าพระยากับแม่น้ำป่าสักทำให้เกิดเป็นลานน้ำวนขนาดใหญ่ หากศัตรูไม่ชำนาญอาจทำให้เรือล่มได้ สำหรับลักษณะทางสถาปัตยกรรม เป็นป้อมใหญ่ก่อด้วยอิฐสลับกับศิลาแลง หนา 14 เมตร ลักษณะรูปทรงป้อมแบบหกเหลี่ยมยื่นออกไปจากแนวกำแพงเมือง มีช่องคูหา หรือ เชิงเทิน ก่อเป็นรูปโค้งครึ่งวงกลม ซึ่งเป็นที่ตั้งของปืนใหญ่ประจำป้อตามแนวกำแพงมีป้อมเป็นระยะรอบ ๆ พระนคร ปัจจุบันบริเวณป้อมแห่งนี้ได้รับการพัฒนาให้เป็นสวนสาธารณะ มีต้นไม้ร่มรื่นมากมาย สำหรับการชมป้อมต่าง ๆ ของกรุงศรีอยุธยานั้นสามารถเลือกเดินทางได้หลายวิธี ทั้งล่องเรือไปตามแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำป่าสัก และแม่น้ำลพบุรีเพื่อชมป้อมที่อยู่รอบ ๆ เกาะเมือง หรือจะไปกับรถยนต์ส่วนตัว ปั่นจักรยาน ไปตามถนนรอบเมืองก็ได้สัมผัสบรรยากาศไปอีกแบบ